วันจันทร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

เมื่อคุณศัพท์กำกับคำนาม

คำนามคือคำที่เราใช้เรียกคน สัตว์ สิ่งของ เช่น ต้นไม้ ภูเขา รถยนต์ บ้าน ฯลฯ ในภาษาไทย บ้านจะกี่หลังก็เป็นบ้าน แต่ในภาษาอังกฤษ บ้านหนึ่งหลังเรียก house บ้านหลายหลังต้องเติม -s เป็น houses เรียกว่าคำนามของเขามีรูปเอกพจน์เวลามีชิ้นเดียว (เช่น house, dog, child, etc.) และมีรูปพหูหจน์เวลามีหลายชิ้น (เช่น houses, dogs, children, etc.) เป็นต้น อันนี้เป็นหลักเบื้องต้น ยังมีคำที่ใช้รูปเดียวสำหรับทั้งเอกพจน์และพหูพจน์ (เช่น sheep, fish, etc.) มีใช้รูปเอกพจน์แบบหนึ่ง พหูพจน์แบบหนึ่ง (เช่น person กับ people) อันนั้นค่อยมาว่ากันทีหลังแล้วกันนะ

ส่วนคำคุณศัพท์คือคำที่ใช้เพิ่มความหมายของสิ่งของ เช่น สีดำ สีแดง สีขาว ใหญ่ เล็ก กว้าง สวย ฉลาด ฯลฯ

ในภาษาไทยเราวางคำคุณศัพท์ไว้หลังคำนาม ดีไม่ดีมีลักษณะนามมาวางคั่น เช่น บ้านหลังใหญ่  
แต่ในภาษาอังกฤษจะวางคำคุณศัพท์ไว้ข้างหน้า เช่น a big house

โดยทั่วไปแล้ว ทั้งในภาษาไทยและภาษาอังกฤษ คำคุณศัพท์นั้นไม่ต้องผันคำ บ้านจะกี่หลังก็ big ตัวเดียวเหมือนกัน แม้คำว่า "บ้าน" จะผันเป็นพหูพจน์ก็ตาม เช่น This is a big house. = บ้านหลังนี้ใหญ่ กับ Those houses are big. = บ้านเหล่านั้นหลังใหญ่จัง

(อย่าคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดานะคะ หลายภาษาผันคำนามเอกพจน์เป็นพหูพจน์ซับซ้อนกว่านี้ แล้วคำคุณศัพท์ก็ผันตามกันไปด้วย เห่อๆๆๆ)

สิ่งที่น่าสนใจในความสัมพันธ์ที่ไม่มีความแน่นแฟ้นในการผันคำของคำนามกับคำคุณศัพท์นี้ก็คือ ในบางกรณีนั้น คำคุณศัพท์จะเป็นตัวชี้ว่าคำนามนั้นจะผันอย่างไร อุแม่เจ้า ไม่เห็นเคยได้ยินอะไรแบบนี้

มันมีจริงๆ หรือ???

จริงจ้า.....!!!


ยกตัวอย่างเช่น




The first person believed 1. to have used a series of 2. photograph 3. to produce 4. an illusion of movement was Coleman Sellers.

"คนแรกที่เชื่อกันว่าเป็นผู้นำชุดภาพถ่ายมาทำเป็นภาพเคลื่อนไหวก็คือ โคลแมน เซลเลอร์ส"

เห็นอะไรรึเปล่าเอ่ย...
คิดก่อนแล้วค่อยอ่านเฉลยข้างล่างนะคะ







ข้อนี้ที่ผิดคือ ข้อ..... 2
เพราะ a series of หมายถึง ชุดของ ซึ่งมีความหมายบอกว่าคำนามที่ตามมาจะต้องเป็นพหูพจน์ คือ a series of photographs หรือ ชุดรูปภาพ นั่นเอง

จะว่ากันจริงๆ คำว่า a series of นี่ก็ไม่ได้เป็นคำคุณศัพท์นะคะ แต่ด้วยลักษณะการวางไว้หน้าคำนามเหมือนกัน และมีวีธีการคิดเหมือนกันก็เลยเอามายกเป็นตัวอย่างในกรณีเดียวกัน

คำคุณศัพท์ที่มีความหมายเป็นพหูพจน์ก็มีไว้ใช้กับคำนามที่เป็นพหูพจน์เท่านั้นคือ เช่น various กับ several เป็นต้น (แปลว่า แตกต่าง, หลากหลาย) เจอสองคำนี้เหมือนไหร่ คำนามที่ตามหลังมาต้องเป็นคำพหูพจน์เท่านั้น

เช่นเดียวกับ all of, each of, every of ซึ่งคำที่ตามหลังคำเหล่านี้ต้องเป็น คำนำหน้านามและคำนามพหูพจน์ เช่น all of these students = นักเรียนเหล่านี้ทั้งหมด, Each of my brothers = พี่ชายแต่ละคนของฉัน,  Every of those houses = บ้านทุกหลังเหล่านั้น

แต่ถ้าไม่มีคำนำหน้านาม คำว่า each กับ every จะใช้กับคำนามเอกพจน์นะคะ เช่น Each student = นักเรียนแต่ละคะ, Every house = บ้านทุกๆ หลัง

แปลออกมาจะมีความหมายเหมือนกัน แต่ความเป็นเอกพจน์กับพหูพจน์ในภาษาอังกฤษไม่เหมือนกัน อาจจะฟังดูเข้าใจยาก แต่ขอเพียงเราไม่กลัวสิ่งที่เราไม่เข้าใจ ใส่ใจกับมัน แล้วให้เวลากับมัน พอเราคุ้นเคยมันแล้ว ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวค่ะ

ภาษานั้นควรจะเป็นเรื่องง่ายที่สุดแล้ว เพราะมันเป็นสิ่งที่มนุษย์ใช้ในการทำความเข้าใจกัน ^^
มีทัศนคติที่ดีกับมัน มันก็จะใจดีกับเราค่ะ ^^
เจอกันใหม่ตอนหน้าจะเป็นเรื่องอะไร ติดตามกันต่อไปจ้า